แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4
กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
เรื่อง เทสเซลเลชัน เวลา 2 ชั่วโมง
……………………………………………………………………………….
1. เป้าหมายการเรียนรู้
1.1 ผลการเรียนรู้
1. ใช้ความรู้เกี่ยวกับเทสเซลเลชันสร้างสรรค์ชิ้นงานศิลปะหรือออกแบบได้
2. ตระหนักถึงความสมเหตุสมผลของคำตอบที่ได้
1.2 จุดประสงค์การเรียนรู้
นักเรียนใช้ความรู้เกี่ยวกับเทสเซลเลชันสร้างสรรค์ชิ้นงานศิลปะหรือออกแบบได้
2. สาระสำคัญ
2.1 สาระการเรียนรู้
เทสเซลเลชัน คือการวางรูปเรขาคณิตให้ชิดติดกันโดยไม่มีช่องว่างเหลืออยู่ จะอยู่ในรูปอย่างใด
อย่างหนึ่งต่อเนื่องออกไปเรื่อยๆ
2.2 ทักษะ / กระบวนการ
การคิดวิเคราะห์ การตีความหมาย การคิดคำนวณ
2.3 ทักษะการคิด
ทักษะการคิดคำนวณ ทักษะการคิดสรุปความ ทักษะการคิดแปลความ ทักษะการคิด
วิเคราะห์ ทักษะการให้เหตุผล
3. กิจกรรมการเรียนรู้
ชั่วโมงที่ 1
1. ครูและนักเรียนร่วมกันสนทาทบทวนเกี่ยวกับการแปลงทางเรขาคณิตโดยใช้คำถาม
ถาม-ตอบกับนักเรียน ดังนี้
- การแปลงทางเรขาคณิตที่นักเรียนรู้จักมีอะไรบ้าง
- การสะท้อนมีลักษณะอย่างไร
- การเลื่อนขนานมีลักษณะอย่างไร
- การหมุนมีลักษณะอย่างไร
จากนั้นตั้งคำถามกระตุ้นความคิดของนักเรียนเกี่ยวกับเทสเซลเลชัน ดังนี้
- นักเรียนคิดว่าสามารถนำความรู้เรื่องการแปลงทางเรขาคณิตไปใช้สร้างสรรค์ผลงานได้
หรือไม่ อย่างไร
2. ให้นักเรียนพิจารณาเทสเซลเลชันหลายๆ แบบ จากนั้นตั้งคำถามกระตุ้นความคิดของนักเรียนดังนี้
พิจารณารูปต่อไปนี้
- จากรูปที่ 1- 3 เป็นรูปที่มีลักษณะอย่างไร (เป็นรูปที่นำมาปิดติดต่อกันโดยไม่ให้เกิด
ช่องว่างและไม่ให้มีการซ้อนทับกัน)
- เรียกรูปที่นำมาปิดต่อกันบนพื้นที่ที่ต้องการโดยไม่ให้เกิดช่องว่างและไม่มีการซ้อนทับกันนี้
ว่าอย่างไร (เทสเซลเลชัน)
- รูปที่ 1 – 3 เป็นเทสเซลเลชันที่มีลักษณะอย่างไร (เป็นเทสเซลเลชันที่ได้จากรูปหลาย
เหลี่ยมด้านเท่า มุมเท่า ที่มาต่อกันเพียงชนิดเดียว)
- เรียกรูปเทสเซลเลชันที่มีลักษณะตามรูปที่ 1 – 3 ว่าอย่างไร (เทสเซลเลชันปกติ)
- รูปที่กำหนดให้เป็นเทสเซลเลชันแบบใด (เป็นเทสเซลเลชันที่ใช้รูปหลายเหลี่ยมด้านเท่า
หลายๆ แบบมาปิดต่อกัน)
3. ให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายและสรุปเกี่ยวกับเทสเซลเลชัน โดยเชื่อมโยงจากตัวอย่าง
ความรู้เดิมและคำตอบจากคำถามข้างต้น ดังนี้
- เทสเซลเลชัน (tessellation) คือ การนำรูปปิดมาปิดพื้นที่ที่ต้องการโดยไม่ให้เกิดช่องว่าง
และไม่ให้มีการซ้อนทับกัน
- เทสเซลเลชันปกติ คือ เทสเซลเลชันที่ได้จากรูปหลายเหลี่ยมด้านเท่ามุมเท่า ชนิดใดชนิด
หนึ่งเพียงชนิดเดียว ได้แก่ รูปสามเหลี่ยมด้านเท่า หรือรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส หรือรูปหกเหลี่ยมด้านเท่าเท่านั้น
4. ให้นักเรียนแต่ละคนสร้างเทสเซลเลชันและเทสเซลเลชันปกติอย่างละ 2 รูป ลงบนกระดาษ A4
โดยครูตรวจสอบความถูกต้อง จากนั้นครูตั้งคำถามกระตุ้นความคิดของนักเรียนเกี่ยวกับการสร้างเทสเซลเลชัน
จากการใช้หลักการแปลงทางเรขาคณิต ดังนี้
- นักเรียนคิดว่าสามารถนำหลักการแปลงทางเรขาคณิตมาใช้สร้างเทสเซลเลชันได้หรือไม่
ชั่วโมงที่ 2
1. ครูยกตัวอย่างรูปเทสเซลเลชัน 3-4 ภาพ ที่ได้จากการนำหลักการแปลงทางเรขาคณิตมาใช้
จากนั้นให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายและสรุปเกี่ยวกับการนำการแปลงทางเรขาคณิตมาสร้างเทสเซลเลชัน
โดยเชื่อมโยงจากตัวอย่าง คำตอบจากคำถามข้างต้น ดังนี้
- ในการสร้างเทสเซลเลชันสามารถทำได้โดยใช้สมบัติการแปลงทางเรขาคณิตหลายๆ แบบ
มาช่วยทำให้เกิดเทสเซลเลชันนั้นมีลวดลายต่างๆ ที่สวยงามได้ ดังนี้ พิจารณาตัวอย่างต่อไปนี้
2. ให้นักเรียนแต่ละคนสร้างเทสเซลเลชันที่ใช้หลักการแปลงทางเรขาคณิตคนละ 3 รูป
ลงบนกระดาษ A4 เป็นการบ้าน เพื่อตรวจสอบความเข้าใจ
4. แหล่งการเรียนรู้และสื่อการเรียนรู้
- หนังสือเรียนคณิตศาสตร์เพิ่มเติม ม.2
5. การวัดผลและการประเมินผล
1. สิ่งที่ต้องประเมิน
1.1 ด้านความรู้ ประเมินจาก
- สามารถทำแบบฝึกหัดในหนังสือเรียนได้ถูกต้องอย่างน้อย ร้อยละ 80
- นำความรู้เรื่องอัตราส่วนและร้อยละไปประยุกต์ใช้ได้
1.2 ด้านทักษะกระบวนการ ประเมินจาก
- ตรวจสอบความสมเหตุสมผลของคำตอบได้
1.3 ด้านคุณลักษณะที่พึงประสงค์
- การให้ความร่วมมือในการตอบคำถาม และความตั้งใจเรียน
- การมีระเบียบวินัยและความรับผิดชอบ
- ความซื่อสัตย์
2. องค์ประกอบของการประเมินผล
2.1 ผู้ประเมินผล
- ครูผู้สอน
- นักเรียนประเมินตนเอง
2.2 เครื่องมือที่ใช้ในการวัดผลและประเมินผล
- สังเกตจากการถามตอบคำถามในห้องเรียน
- สังเกตจากการทำแบบฝึกหัดในหนังสือเรียนคณิตศาสตร์เพิ่มเติม
2.3 เกณฑ์การวัดผลและประเมินผล
- สามารถทำแบบฝึกหัดในหนังสือเรียนได้ถูกต้องอย่างน้อย ร้อยละ 80